- มีปีติ (วิตกวิจารณ์ หายไป)
- มีสุข
- มีอุเบกขา(เอกตา)
- มีสุข(ปีติ หายไป)
- มีอุเบกขา(เอกตา)
- อากาสานัญจายตนะ ฌานที่กำหนดอากาส คือ ที่ว่างอันอนันต์
- วิญญาณัญจายตนะ ฌานที่กำหนดวิญญาณ (อันแผ่ไปในที่ว่าง) อันอนันต์
- อากิญจัญญายตนะ ฌานที่กำหนดภาวะที่ไม่มีสิ่งใดๆ
- เนวสัญญานาสัญญายตนะ ฌานที่เลิกกำหนดสิ่งใดๆ โดยประการทั้งปวง เข้าถึงภาวะมีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่ (ไม่มีสัญญาหยาบ มีสัญญาละเอียด)
ขณิกสมาธิ(เส้นสิ้นสุดที่ตำแหน่งที่1 ) สมาธิชั่วขณะ สมาธิตั้งมั่นได้เล็กน้อยคงอยู่ไม่นาน เป็นสมาธิขั้นต้นพอสำหรับใช้ในการทำงานให้ได้ผลดี ให้จิตใจสงบสบายได้พักชั่วคราว และใช้เริ่มปฏิบัติวิปัสสนาได้
ปฐมฌาน(ตำแหน่งที่2) มีองค์ฌาน 5 คือ
“วิตก” ยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ หรือกำหนดยึดเอาอารมณ์มาไว้กับจิต หรือเอาจิตไปตั้งไว้กับอารมณ์ของกรรมฐานที่ตนเจริญอยู่นั้น จนแนบสนิทติดเป็นอันเดียวกัน
“วิจาร” ค้นคว้าตริตรองอยู่ในอารมณ์นั้นอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น วิจารอยู่ในอสุภเป็นต้น
“ปีติ” เมื่อจิตเห็นชัดในอารมณ์นั้นแล้วก็เกิดปีติ
“สุข” เมื่อเกิดปีติแล้วก็เกิดสุข และ “เอกัคคตา
สมาธิขั้นนี้เมื่อปฏิบัติได้ในขณะเดินจงกรม จนสามารถทรงอารมณ์ได้ดีในขณะเดินยืนนั่งนอน จะสามารถปฏิบัติวิปัสสนาได้ตลอดเวลา
ทุติยฌาน(ระหว่างตำแหน่งที่2-3) มีองค์ฌาน คือ ปีติ สุข เอกัคคตา
ตติยฌาน(ระหว่างตำแหน่งที่2-3) มีองค์ฌาน คือ สุข เอกัคคตาเส้นสิ้นสุดที่
จตุตถฌาน(ตำแหน่งที่3) เป็นระดับสมาธิสูงสุดในรูปฌาน มีองค์ฌาน คือ อุเบกขา เอกัคคตา ลมหายใจจะดับสนิทเหมือนไม่มีลมหายใจ เมื่อไม่มีหายใจ กายสังขารก็ดับสนิท ไม่รับรู้ถึงกายอีกต่อไป เมื่อไม่มีกายสังขาร ความคิด ความสุข ความทุกข์ ปีติก็ไม่เกิดขึ้น เหลือแต่สติผู้รู้ จิตตั้งมั่นเด่นขึ้นมาเป็น เอกัคคตา ท่ามกลางความว่าง สถาวะนี้ไม่สุข ไม่ทุกข์ เป็น อุเบกขา อย่างยิ่ง ถ้าทำกรรมฐานด้วยวิธีกสิณ ดวงกสิณจะเปลี่ยนเป็นแก้วประกายพรึก ใสส่องสว่าง ระยิบระยับสวยงามมาก
อรูปฌาน(ตำแหน่งที่4) เมื่อเจริญสมาธิถึงขั้นจตุตถฌานแล้ว ก็ปล่อยกรรมฐานที่ยึดเป็นอารมณ์ออก มายึดอารมณ์ของใช้เริ่มปฏิบัติวิปัสสนาได้แต่ละลำดับแทน อรูปฌานทั้งหลายมีองค์ฌานเพียง 2 อย่างเหมือนจตุตถฌาน คือ มีอุเบกขา และเอกัคคตา แต่มีข้อพิเศษคือสมาธิในอรูปฌานประณีตลึกซึ้งห่างไกลจากสิ่งรบกวนมากกว่ากันตามลำดับขั้น
อรูปฌาน 4
วิธีปฏิบัติขั้นอรูปฌาน